เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หมายถึง พื้นที่ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย เพื่อว่าสัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าว จะได้มีโอกาสสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้สัตว์ป่าบางส่วนมีโอกาสกระจายจำนวนออกไปในท้องที่แหล่งอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในการเลือกพื้นที่เพื่อกำหนดให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น จะต้องเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าชนิดที่หายากหรือใกล้จะสูญพันธุ์อาศัยอยู่ มีแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร เป็นที่หลบภัยสำหรับสัตว์เพียงพอ ตลอดจนเป็นแหล่งที่ห่างจากชุมชนพอสมควรและถูกรบกวนน้อย และเป็นพื้นที่ที่ไม่อยู่ในกรรมสิทธิ์หรือครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลใด ซึ่งมิใช่ทบวงทางการเมือง เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรกำหนดที่ดินแห่งใดให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัยเพื่อรักษาไว้ซึ่ง พันธุ์สัตว์ป่า ก็ให้กระทำได้โดยตราเป็นพระราชกฏษฏีกา และให้มีแผนที่แสดงแนวเขตแห่งบริเวณที่กำหนดนั้น แนบท้ายในพระราชกฏษฏีกาด้วย บริเวณที่กำหนดนี้เรียกว่า "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า"
ปัจจุบันประเทศไทยได้ประกาศจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไปแล้ว ๓๖ แห่ง
รวมพื้นที่ ๑๗,๔๘๔,๖๑๕ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๕.๔๓ ของพื้นที่ประเทศ
(ประเทศไทยมีเนื้อที่ประมาณ ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ ๓๒๑,๘๕๐,๒๕๑ ไร่) ยังมีพื้นที่เตรียมประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก ๕ แห่ง รวมพื้นที่ ๑,๓๙๓,๗๘๗ ไร่
ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้คือ
๑. เป็นการป้องกันมิให้สัตว์ป่าที่หาได้ยากต้องสูญพันธุ์
๒. สัตว์ป่าที่มีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตวืป่า ได้รับความคุ้มครองและปลอดภัยทำให้สามารถสืบพันธุ์และเพิ่มจำนวนมากขึ้น สัตว์ป่าที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีโอกาสกระจายไปยังป่าส่วนอื่น ๆ ต่อไป
๓. เนื่องจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นต้นน้ำลำธาร เมื่อได้จัดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าขึ้นแล้ว บรรดาต้นไม้ พรรณไม้ทุกชนิด ตลอดจนสภาพของต้นน้ำลำธาร แหล่งน้ำ ดิน หิน และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ จะได้รับการคุ้มครองป้องกันไว้เป็นอย่างดี เป็นการรักษาป่าไม้ไว้ไม่ให้ถูกทำลาย ทำให้ป่าต้นน้ำคงอยู่เพื่อช่วยหล่อเลี้ยงแม่น้ำสายต่าง ๆ ให้มีน้ำไหล ตลอดปี
๔. บรรดาสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะเป็นเครื่องดึงดูดให้นักทัศนาจร ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าไปเที่ยว ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และจะนำมาซึ่งรายได้ของประชาชนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย
๕. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นเสมือนห้องทดลองค้นคว้าทางวิชาการอันกว้างใหญ่สำหรับศึกษาค้นคว้า ทางวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาชีววิทยา จึงถือได้ว่าการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าไม้ แหล่งต้นน้ำลำธาร ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ภายในเขตฯให้คงอยู่ตลอดไปได้ รวมทั้งเป็นการช่วยสนับสนุน ให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๐๔ และเป็นการส่งเสริมวิทยาการด้านสัตว์ป่าและชีววิทยาให้กว้างขวางก้าวหน้ายิ่งขึ้น อนาคตของงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าของเทศ ส่วนหนึ่งฝากไว้กับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมีส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ เป็นผู้รับผิดชอบ และความรับผิดชอบอีกส่วนหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ ความร่วมมือและให้ความสำคัญต่อ ป่าอนุรักษ์ในรูปของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติส่วนรวมของชาติ และของคนไทยทุกคน เพราะมิฉะนั้นแล้วการกำหนดที่ดินให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่ยังวุ่นวายด้วยกิจกรรม ของมนุษย์ในลักษณะต่าง ๆ ภายในพื้นที่ นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามหลักการ และขัดต่อเจตนารมณ์ของการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยสิ้นเชิง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ทรัพยากรสัตว์ป่า

![]() | ![]() |
นก | กระทิง |
---|
![]() | ![]() |
หมู | ตะ |
---|

วัวแดง

สมันเป็นสัตว์ป่าที่สูญพันธุ์แล้ว
ที่
ความหมายของสัตว์ป่าสงวน
สัตว์ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าที่หายาก กำหนดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 จำนวน 9 ชนิด เป็นสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด ได้แก่ แรด กระซู่ กูปรี ควายป่า ละองหรือละมั่ง สมัน เนื้อทราย เลียงผา และกวางผา
สัตว์ป่าสงวนเป็นสัตว์หายาก, ใกล้จะสูญพันธุ์ หรืออาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว จึงจำเป็นต้องมีบทบัญญัติเข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่หรือซากสัตว์ป่า ซึ่งอาจจะตกไปอยู่ยังต่างประเทศด้วยการซื้อขาย ต่อมาเมื่อสถานการณ์ของสัตว์ป่าในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป สัตว์ป่าหลายชนิดมีแนวโน้มถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศในการ ควบคุมดูแลการค้าหรือการลักลอบค้าสัตว์ป่าในรูปแบบต่าง ๆ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าหรือ CITES ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518 และได้ให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526 นับเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 จึงได้มีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติฉบับเดิมและตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535
สัตว์ป่าสงวนตามในพระราชบัญญัติฉบับใหม่ หมายถึง สัตว์ป่าที่หายากตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติฉบับนี้และตามที่กำหนดโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงชนิดสัตว์ป่าสงวนได้โดยสะดวกโดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขหรือเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ต้องถึงกับต้องแก้ไขพระราชบัญญัติอย่างของเดิม ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มเติมชนิดสัตว์ป่าที่มีสภาพล่อแหลมต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง 7 ชนิด และตัดสัตว์ป่าที่ไม่อยู่ในสถานะใกล้จะสูญพันธุ์ เนื่องจากการที่สามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้มาก 1 ชนิด คือ เนื้อทราย รวมกับสัตว์ป่าสงวนเดิม 8 ชนิด รวมเป็น 15 ชนิด ได้แก่
- นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (Pseudochelidon sirintarae)
- แรด (Rhinoceros sondaicus)
- กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis)
- กูปรีหรือโคไพร (Bos sauveli)
- ควายป่า (Bubalus bubalis)
- ละอง หรือละมั่ง (Rucervus eldi)
- สมัน หรือเนื้อสมัน (Rucervus schomburki)
- เลียงผา หรือเยือง หรือกูรำ หรือโครำ (Capricornis sumatraensis)
- กวางผา (Naemorhedus griseus)
- นกแต้วแล้วท้องดำ (Pitta gurneyi)
- นกกระเรียนไทย (Grus antigone)
- แมวลายหินอ่อน (Pardofelis marmorata)
- สมเสร็จ (Tapirus indicus)
- เก้งหม้อ (Muntiacus feai)
- พะยูน หรือหมูน้ำ (Dugong dugon)
ข้อห้ามข้อบังคับบางประการจากพระราชบัญญัติฉบับนี้ที่ควรทราบมีดังนี้
- สัตว์ ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าที่ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ห้าม ครอบครองสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่สัตว์ที่ครอบครองเป็นสัตว์ที่มาจากการเพาะพันธุ์ที่ไม่ถูกต้อง จะต้องโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ห้าม เพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ในกรณีที่การล่าเป็นการล่าเพื่อปกป้องตนเองหรือผู้อื่นหรือทรัพย์สิน หรือเหตุอื่นที่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ควรแก่เหตุ ไม่ต้องรับโทษ
- การห้ามการครอบครองและห้ามค้า มีผลไปถึงไข่และซากของสัตว์เหล่านั้นด้วย
- ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรังของสัตว์ ยกเว้นรังนกอีแอ่น (นกแอ่นกินรัง) ซึ่งต้องได้รับอนุญาตเช่นกัน
รูปภาพและข้อมูลนี้ ส่วนหนึ่งนำมาจาก โปสเตอร์ "สัตว์ป่าสงวน ๑๕ ชนิด" จัดพิมพ์โดย มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย วิมุติ วสะหลาย คัดข้อมูลมา เพียงหวังต้องการช่วยเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ